วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เกมส์เบาๆพักสมอง 10 F.E.A.R.

F.E.A.R.

เกมส์สุดสยองลำดับที่ 7 


สวัสดีครับ กระผม Barrettez เองนะครับ กลับมาพบกันอีกครั้ง กับการรีวิว เกมของผม ซึ่งวันนี้ก็จะยังคงอยู่ในรูปแบบธีมที่มีดมนเช่นเคย โดยเกมที่ผมจะนำมารีวิวในวันนี้ก็คือ FEAR 3 นั่นเองครับ หลังจากที่เกมเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ไป 2 - 3 รอบ ในที่สุดก็ออกมาให้เล่นจนได้

สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยรู้จักว่า FEAR คือเกมแบบไหนนั้น เกม FEAR จะเป็นเกม FPS แนว Horror Sci-Fi ที่สร้างความสะพรึงให้แก่เหล่าเกมเมอร์มาแล้วทั่วโลก ซึ่งนี่ก็เป็นภาคที่ 3 แล้ว (นับเฉพาะภาคหลักนะ) วางขายทั้งใน PC, XBOX360 และ PS3 เป็นหนึ่งในเกมซีรี่ส์ที่ผู้ชื่นชอบความสยองน่าจะลองเล่นดูนะครับ

ว่าแล้วก็มาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่าครับ
เนื้อเรื่องคร่าวๆ
ด้านเนื้อเรื่องของเกมนั้น จะต่อกับภาค 2 แต่คราวนี้ เราจะกลับไปรับบทเป็น Point Man (คุณจุด) ตัวเอกจากภาคแรก ที่ต้องหาทางหยุดยั้งไม่ให้ Alma คลอดลูกคนใหม่ออกมาได้ เพราะมีความเป็นไปได้ว่า เด็กที่เกิดจาก Alma นั้นจะมีพลังจิตที่รุนแรงกว่า จนสามารถทำลายล้างมนุษยชาติได้ นอกจากนี้ เรายังได้ Fettelน้องชายของ Point Man ที่เคยเป็นบอสใหญ่ในภาคแรก มาร่วมมือในการตามล่า Alma อีกแรงด้วยจุดประสงค์บางอย่าง
เกมเพลย์
การหลบเข้าที่กำบัง
ระบบเกมเพลย์ของภาค 3 นี้ถูกปรับเปลี่ยนไปเยอะมาก โดยในภาคนี้ เราสามารถหลบหลังที่กำบังหรือกำแพง และเอี้ยวตัวมายิงได้ อย่างที่เกมแนวยิงกันควรจะเป็นซะที (แต่จากที่เห็น Modern Warfare 3 และ Battlefield 3 ที่จะออกปลายปี ยังคงใช้วิธีลุยยิงแบบโต้งๆ แล้วนั่งหรือเสตบซ้ายขวาหลบเอาเหมือนเดิม) โดยส่วนตัวผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอกครับ แต่คิดว่าเกมยิงถ้ามันมีหลบ แล้วโผล่หัวมายิง หรือหลบแล้วกราด Blind Shot มันจะดูสมจริงกว่าเท่านั้นเอง ซึ่ง FEAR 3 ได้เพิ่มความรู้สึกแบบนี้ลงไปในเกมแล้ว
ระบบการเก็บแต้ม และเลเวลอัพ
 เหมือนทีม Day 1 ต้องการเน้นให้ผู้เล่น เล่นเกมแบบ Multiplayer มากขึ้น จึงทำการสร้างระบบนี้ขึ้นมา ซึ่งมองเผินๆ เหมือนกับเป็น Challenge ที่ต้องยิงให้ได้เท่านี้ๆ แล้วจะมีแต้มให้นี่เอง แต่ที่พิเศษขึ้นไปอีกก็คือ การที่แต้มเหล่านั้นเป็นค่า EXP ในการอัพเลเวลด้วย แบบนี้ถึงแม้เกมเมอร์จะไม่ได้เล่นออนไลน์อวดแต้มก็ตาม แต่ก็ยังต้องขวนขวายทำแต้ม เพื่อทำให้ตัวเองเลเวลอัพ
ซึ่งสำหรับบางคนที่ชอบท้าทาย ได้แต้มเท่านี้อาจจะไม่พอใจแล่นใหม่อีกสักทีก็ถือว่าเป็นการทำให้ผู้เล่น สามารถเล่นเกมได้ยาวนานและคุ้มมากขึ้นนั่นเอง
Fettel
สิ่งที่ทำให้เกมในภาคนี้แหวกแนวน่าสนใจไปจากภาคอื่นๆ และเกมแนว FPS ไหนๆ ก็คือ เจ้าหมอนี่แหละครับFettel บอสใหญ่จากภาคแรก ก็เป็นตัวละครที่เราสามารถเลือกเล่นได้ในภาคนี้ด้วย แต่เพื่อนๆ ต้องเล่น Point Man ให้ผ่านในด่านนั้นๆ ก่อนนะครับ ถึงจะปลดล็อคมาใช้ได้
ไหนๆ ก็พูดถึง Fettel แล้ว ขอบ่นกับหมอนี่หน่อยก็แล้วกันครับ โดยตอนแรกผมอยากเล่น Fettel มาก และคาดหวังว่ามันต้องมหาเทพแน่นอน (ดีกรีบอสใหญ่ภาคแรกเชียวนะเฟ้ย) แต่พอได้เล่นจริงๆ แล้วรู้สึกเฟลนิดๆ ครับ นั่นก็เพราะความคาดหวังของผมสูงไปด้วยนั่นเอง
อย่างเช่นคาดหวังว่า มันเป็นผู้ใช้พลังจิตได้เทพพอๆ กับ Alma แต่กลับไม่มีความสามารถเทพๆ สกิลจำพวกที่ทำให้ศัตรูที่เป็นทหาร เห็นภาพหลอนเหมือนกับที่ผมเล่นแล้วเจอมา สิ่งที่ Fettel ทำได้นั้นมีอยู่อย่างด้วยกันครับ โดยสกิลที่เข้าท่าที่สุดเห็นจะเป็นการเข้าสิงศัตรู และเมื่อเข้าสิงแล้ว เราก็จะเหมือนได้เล่น Point Man ที่มีเลือดเต็มอีกครั้ง แต่ไม่มีความสามารถในการสโลว์โมชั่นเท่านั้นเอง
เรื่องเฟลๆ เกี่ยวกับ Fettel ก็มีเช่นกันครับ อย่างเช่น Fettel นั้นเป็นร่างจิต ที่สามารถทะลุกำแพงหรือสิ่งกีดขวางได้ (ดังเช่นใน Movie เริ่มเกม ที่เดินทะลุกำแพงมาสิงศัตรูหน้าตาเฉย) ผมก็คิดในใจว่า "หวานตูล่ะ ทีนี้ก็วิ่งผ่านกำแพงได้สบายใจเฉิบ" แต่ผมคิดผิดครับ ถึง Fettel จะเป็นร่างจิต ในมูวี่ทะลุกำแพงได้ แต่เวลาเล่น ผมต้องมาเปิดประตูเพื่อเดินผ่านอยู่ดี (เอ็งเป็นร่างจิตนะเฟ้ย) TTwTT
ด้านเนื้อเรื่องก็เช่นกัน แอบคาดหวังว่าเล่น Point Man แล้วไม่เห็นมันตามมาด้วย ก็นึกว่า Fettel มีเนื้อเรื่องแยกในด่านเดียวกัน แต่พอเล่นแล้วก็ "อ้าว เหมือนเดิมนี่หว่า" แถมวิ่งคนเดียวเปลี่ยวๆ ไม่มี Point Man อีกด้วย >_<
สำหรับผมแล้ว Fettel เมื่อเล่นคนเดียวนั้น เล่นเอาฮาเอาความแปลก และเลือดมากกว่าครับ.. =_=
Multiplayer
อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วตอนแรก ว่าเกมภาคนี้เน้นการเล่นแบบ Multiplayer มากกว่า โดยสามารถเล่นได้ทั้งแบบ Co-Op ในโหมดเนื้อเรื่อง และ Multiplayer ยิงกันเอง และขอบอกเลยครับ พอเล่นโหมด Multiplayer แบบเนื้อเรื่องแล้ว ความเฟลเมื่อกี๊หายไปหมด มีแต่ความโหด มันส์ ฮา ครับ เพราะเล่นแล้วสามารถแท๊กทีมกับเพื่อน ตะลุยไปด้วยกัน ใช้สกิล Fettel ช่วยเหลือกันได้ แบบว่าถูกใจมากมาย จนสุดท้ายก็ถึงกับแย่งกันเล่น Fettel กันเลยทีเดียว

คาแรคเตอร์
คำเดียวสั้นๆ ด้วยความชอบส่วนบุคคลครับ "อัลม่าร่างเด็ก น่ารักมาก !!!!" จบ
ไม่มีการพูดถึงตาหนวดเคราโจรที่เพิ่งจะได้เห็นหน้าชัดๆ เต็มก็ในภาคนี้ซึ่งดูแล้วแก่ดี และพี่เหม่งที่มีลูกนิมิตฝังบนหน้าผากท่าทางกวนๆ ทั้งสิ้น (อ้าวก็พูดแล้วนี่หว่า)
บรรยากาศ ความตื่นเต้น ความน่ากลัว
ภาคนี้ยอมรับว่าน้อยครับ ตอนเล่น 2 Chapter แรก แทบจะเลิกเล่นละ เพราะเฟลที่ไม่เจออะไรหลอนๆ แบบที่ใฝ่หาเลยสักนิด (เล่นจบไป 2 Chapter สะดุ้งไป 1 ครั้งครึ่งเอง) แต่พอเข้า Chapter 3 ความกดดันก็เข้ามาเยือนทันที (เออ.. มันต้องแบบนี้สิ) ซึ่งบางทีก็หักอารมณ์กันแบบว่า บู้มันส์ๆ บนทางเดิน พอวิ่งเข้าบ้านปุ๊ปหลอนทันที แต่โดยรวมก็ยังถือว่าฉากน่ากลัวหรือกดดันยังคงมีน้อยอยู่ดีครับ ประมาณคร่าวๆ สัดส่วนน่าจะ บู๊ซะ 70 หลอน 30

ศัตรู
ก็มีตั้งแต่หน่วยทหารลับด๊อกด๋อยของทาง ATC ไปจนถึงหน่วย Super Soldier ของ ATC ที่หนังหนายังกับใส่นาโนสูทของ Crysis ซึ่งบางทีก็ยากบรรลัย แต่บางทีก็ "อ้าว ตายแล้วหรอ ?"

Collectable Item
เท่าที่ผมเห็นก็มีแต่การทำ Phycho Link กับทหารศพบางคนที่มีพลังจิต ตามาที่ต่างๆ เท่านั้นเองครับ แต่ก็ใช่ว่าจะหากันครบง่ายๆ เพราะบางทีก็ม่ีซ่อน แต่สามารถย้อนเนื้อเรื่อง โดยการเลือก Chapter กลับไปหาใหม่ได้ครับ
สรุปแล้ว
เป็นเกมที่เล่นแบบ Multiplayer ได้แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครดีครับ Point Man นำหน้าถือปืนวิ่งตะลุย Fettel สนับสนุนและสกัดกำลังศัตรูมีเฟลอยู่บ้างเรื่องความสามารถของ Fettel แต่ที่เฟลที่สุดคือเกมออกมาบู้มากเกินไปจนไม่ค่อยมีความหลอนซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของเกมไปซะแล้ว (เฮิร์ทมาก >_<)
มีการย้อนความภาคแรกให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น และเข้าใจเนื้อเรื่องจากภาคแรกง่ายขึ้น (ปกติเป็นซีรี่ส์เกมที่ต้องเล่นอย่างน้อย 2-3 รอบกว่าจะเรียบเรียงเนื้อเรื่องได้) ทำให้เพื่อนๆ ที่เล่นภาค 1 กะ 2 มาเข้าใจอะไรมากขึ้น
เมื่อนำมารวมๆ กันแล้วก็เป็นเกมที่ค่อนข้างดี หากถามถึงคะแนนล่ะก็ ผมคงให้สัก 7/10 แหละครับ โดยคะแนนที่ได้เป็นส่วนความประทับใจการโหมด Multiplayer เป็นส่วนใหญ่ ส่วนคะแนนที่หายไป เพราะจุดขายสำคัญอย่างความน่ากลัวลดลงไป กับ Fettel ที่เดินทะลุกำแพงไม่ได้ (ฮ่าๆๆๆ ก็มันไม่สมจริงนี่หว่า > 3<)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น