วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เกมส์เบาๆพักสมอง 11 Condemn: Criminal Origins


Condemn: Criminal Origins

เกมส์สยองลำดับที่ 6


เมื่อ Monolith ประสบความสำเร็จจากการแสดง รูปแบบของเกมในแบบวิญญาณ
มาหลอกหลายคุณๆในเกม F.E.A.R แล้ว
โดยที่ SEGA นำเกมของ Monolith มาเสนอให้ได้เล่นกัน
(ปกติจะน้อยมากสำหรับ SEGA ที่มาบุกตลาดอื่นๆ อย่าง PC)
ความสยองแบบเรื่องใหม่ก็ได้ตามมา ในรูปแบบจากผู้สร้างเดียวกันด้วยเกมที่ชื่อเกมว่า
Condemed Criminal origins
แต่แล้วความสยองที่คาดหวังว่าจะเหมือน F.E.A.R. ก็ไม่ใช่เลยไปซะหมด
รูปแบบเรื่องนั้นได้เปลี่ยนแปลงจาก F.E.A.R และการเล่นก็ได้แตกต่าง
กันอย่างสิ้นเชิงกันเลย ...

โดยที่เราจะได้รับบทเป็น Ethan Thomas ที่ทำงานอยู่ในแผนกของ FBI
เพื่อไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นด้วยฆาตกรฆ่าคนต่อเนื่อง
และปัญหาที่นักเกือบทั้งเมืองตกมาตาย

เมื่อเริ่มต้นเกมเราจะไปยังที่เกิดเหตุ จากนั้นก็ไปตรวจสอบจุดเกิดเห็นเพื่อหาหลักฐาน
ระหว่างนั้นก็รู้ได้ว่าฆาตกรยังไม่ได้หนีไปไหน จึงได้หากัน
และเมื่อพบกับฆาตกรแล้ว กลับเป็นว่าปืนของ Thomas กลับโดนแย่งไป
แล้วฆาตกรได้ใช้ปืนไปฆ่าเพื่อนร่วมงานที่เป็นตำรวจ
ทำให้ Thomas จึงต้องสืบด้วยตัวเองต่อไป


โดยที่ศัตรูที่ออกมานั้นจะเป็นคนบ้าซึ่งมีเงื่อนงำและเกี่ยวพันกับนกตายทั้งเมือง
และหลังๆของเกมอาจจะไม่ใช่คน !!!

เอาละคงจะไม่พูดถึงเรื่องในเกมมากมายเข้าเรื่องการเล่นเลยละกัน
ก่อนหน้าที่ได้เล่นเกมนี้ก็ได้เล่น Call of Cthulhu มาก่อน ซึ่งจะเป็นแนวใกล้เคียงกัน
ที่เราจะต้องค้นหาปริศนาตามที่ต่างๆ แต่การเล่นค่อนข้างจะต่างกันพอสมควรมาก

โดยที่ Call of Cthulhu แรกๆของเรื่องจะไม่มีอาวุธ
และเมื่อมีอาวุธ คุณก็สบายและสามารถยิงแหลกได้
...แต่ Condemned จะมีอาวุธตลอดทั้งเกม
อาวุธของ Condemned นั้นอย่าได้คาดหวังเลยว่าจะยิงแหลกได้ บู๊เดี่ยวแบบ F.E.A.R.
เกมนี้จะไม่มี กระสุนให้เติม เพราะฉนั้น เมื่อกระสุนหมดกระบอกแล้ว
ก็คงต้องเอาสันกระบอกมาฟาดกับศัตรูกัน


ในเมื่อคาดหวังไมได้เรื่องปืนไม่ได้แล้ว จะเอาปืนมาตบหน้าศัตรูตลอดๆคงจะไม่ดีแน่นอน
เพราะเกมจะยอมให้ถืออาวุธได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น !!
จึงต้องหาอาวุธทดแทน นั้นก็คือ อาวุธใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็น
เป็ปน้ำ ท่อสายไฟ ที่ตัดกระดาษ ขวาน สามารถหยิบมาฟาดได้
ซึ่งอาวุธแต่ละอย่างมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ทั้งความแรง ความเร็ว การตั้งรับ และความยาว
(จะดูได้ตอนก่อนที่จะเก็บอาวุธ จะมีขึ้นมาบอก)

รวมทั้งเมื่อศัตรูล้มแล้ว สามารถใช้ท่าอีก 4 พิเศษท่าเพื่อชีพของศัตรูได้ด้วย
(แต่ต้องทำตอนศัตรูกำลังมึนอยู่)

จากตอนต้นๆของเรื่องที่คุณจะต้องทำการตรวจสอบและหาหลักฐานเพื่อสืบหาผู้ร้ายนั้น
แน่นอนว่าไม่ได้จะใช้เครื่องมือตรวจสอบเฉพาะตอนต้นๆของเกม
หลายฉากของเกมมีการตรวจสอบ ทั้งลายนิ้วมือ สารปนเปือน เพื่อเก็บตัวอย่างไปทดสอบ
(ด้วยเครื่องมือทันสมัยที่ แค่ใช้เครื่องมือแล้วส่งผลผ่านด้วยโทรศัพท์มือถือกลับยัง Lab ได้เลย)
การตรวจสอบหาหลักฐานเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในเกมเท่านั้น
โดยแค่กดเรียกเครืองมือมาใช้ตามเรื่องเรื่อยๆ

Monolith ยังออกแบบอาคารของ Condemned ได้หลายสภาวะแวดล้อม เช่น โรงเรียนร้าง
สถานีรถไฟร้าง ห้างสรรพสินค้าร้าง ห้องสมุดที่ไฟใหม้และร้าง ค่อนข้างที่จะน่ากลัวและขนลุกอย่างง่าย
ฉากเหล่านี้ไปเรื่อยๆแล้ว อาจจะดูแล้วซ้ำๆซากๆ เพราะไม่ว่าจะเป็น Texture หรือโครงสร้างของอาคาร
ที่วนเวียนไปมาทำแล้วดูน่าเบื่อตาม Style
แต่ความตื่นเต้นที่ได้ค้นหาหลักฐานทำให้ ช่วยได้ความตื่นเต้นในการเป็นนักสืบไม่ขาดสาย

Condemned ไม่ได้เน้นการแก้ปริศนา อย่างที่บอกว่าฉากของเกมจะค่อนข้างวนเวียน
สับสนไปมานั้น จะมีจุดให้คุณต้องแก้ปัญหาอยู่แค่ "วิธีการหาทางเปิดประตู" เพื่อไปต่อ
กลายสิ่งที่สุดน่ารำคาญและอัดอั้นมากสำหรับเกมนี้เลย
เพราะการที่จะเปิดประตูที่เกือบจะพัง คุณจะต้องไปหาขวานมาพังประตู
ส่วนประตูที่มีลูกกุญแจล๊อกอยู่ คุณจะต้องไปหาค้อนทุบอิฐมาพัง
ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ประตูที่ใกล้จะพังแบบนี้ ที่จริงใช้ค้อนทุบอิฐก็น่าจะพังแล้ว
รวมทั้งที่ต้องงัดประตูใช้ขวานก็น่าจะได้เช่นกัน ...

ในเมื่อเกมยอมให้ถืออาวุธได้แค่ 1 อย่างแค่นั้น
รวมทั้งยารักษาพยาบาลที่ต่อชีวิตของ Thomas แบกไปด้วยไม่ได้ ต้องไปหาใช้ทีละอันตามตู้ยาเรื่อยไป


FBI Thomas คงจะเป็นคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย จึงวิ่งได้สั้นมาก เหนื่อยเร็ว
และขึ้นยาก ระหว่างการต่อสู้นั้นยังมาเดินช้าๆอีก ทำให้หลบได้ยากขึ้น

ในการต่อสู้แล้วสำหรับ Condemned ต้องขอบคุณพระเจ้าที่เกมยังมี
เครื่องช็อตไฟฟ้าให้มาด้วย ทำให้ฆ่าศัตรูล้มได้ง่ายขึ้น นิดหนึ่ง
เพราะเมื่อช็อตแล้วศัตรูจะล้มลงไปหรือค้างสักครู่ แต่เครื่องชาร์ตนั้นค่อนข้างจะช้าสักนิดหนึ่ง


เมื่อเล่นจบ Mission หนึ่งๆแล้วเกมยังล่อหลอกให้เราเล่นอีกเพื่อเก็บ
Reward ในการที่จะ Unlock ภาพเบื่องหลัง
ซึ่ง Reward เหล่านี้ซ่อนอยู่ตาม Mission ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
นกตายแปลกๆ แท่งเหล็ก ม้วนเทป และการจบ Mission ด้วยมือเปล่า หรือห้ามใช้ปืนด้วย

Graphic ภาพค่อนข้างชัดเจนอย่างมาก ทั้งรอยบนพื้น ฉากต่างๆ
สิ่งโดดเด่นของเกมนี้ก็คือ Effect อย่าง สารล่องหนบนกำแพง จะถูกฉายด้วยแสง UV
หรือเครื่องตรวจสอบคราบเลือด ด้วยแสง Laser
และการถ่ายภาพเก็บไว้ด้วยกล้อง ซูมเข้าออก
Model ตัวละครที่ดูแล้วยังจะละเอียดว่า เกมที่ออกมาก่อนหน้านี้
Special Effect ที่เหมือนกับว่าได้เล่น F.E.A.R. อีกครั้ง
แต่ยังไงก็ตาม เกมนั้นค่อนข้างจะเป็นปัญหาสักหน่อยสำหรับเครื่องที่เป็นจอแบบ อัตราส่วน 4:3 
(จอสีเหลี่ยมปกติ) โดยที่เกมจะยัดเยียด Letterbox หรือแถบสีดำ มาให้โดยที่ปิดไม่ได้
เหมือนว่าเกมออกแบบให้มาเล่นกับ WideScreen โดยเฉพาะ
การแก้ปัญหาให้เล่นเกมได้เต็มจอนั้น
ให้ปรับใช้ Resolution ของ Wide Screen อัตราส่วน 16:9
เช่น 1024x576, 1280x720, 1600x900  แล้ว เกมจะเล่นได้เต็มจอพอดีเลย
(ซึ่งถ้าไม่มีก็ต้องเพิ่ม Custom Mode ตาม Control panel ของ Video Card ของคุณเอง)

Sound เป็นสิ่งประกอบที่เลี่ยงไม่ได้แน่นอนสำหรับเกมแนวสยองๆ
ซึ่งเกมนี้สนับสนุน 5.1 เต็มที่ รวมทั้ง EAX และ EAX HD ได้ความละเอียดเหมือนว่าเข้าไปอยู่ในเกมจริงๆ
ถ้าติดตั้งระบบเสียงนี้แล้ว ลองเล่นเกมนี้อย่างน้อยบอกได้เลยว่าจะได้ความรู้สึกที่ขนลุกจริงๆ


สรุปแล้ว Condemned Criminal Origins ทำให้ขนลุกขนพองได้ค่อนข้างมาก
อาจจะมากกว่า F.E.A.R เพราะเกมนั้นไม่ได้ให้เราบู๊แหลก

ซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เพิ่มความกดดันในการเล่นได้มากขึ้น
แต่ก็เป็นข้อจำกัดที่ไม่ค่อยน่าจะให้อภัยนักในการถืออาวุธได้อย่างเดียวทั้งเกม
ข้อจำกัดการใช้ของทำลายประตู ทั้งๆที่อย่างอื่นก็น่าจะทำลายได้เช่นกัน

เกมนี้มีสิ่งเดียวที่ลบข้อผิดผลาดและทำให้กดดันได้มากขึ้นก็เพราะความ
โดดเด่นมากก็คือเรื่องการตรวจสอบและหาหลักฐานไปตามเรื่องราว

แต่ยังไงก็ตามเรื่องราวของเกมนั้นค่อนข้างจะสั่น โดยที่มี 10 กว่า Mission
และไม่มีการประติดประต่อ ระหว่างฉากมากนัก












































เกมส์เบาๆพักสมอง 10 F.E.A.R.

F.E.A.R.

เกมส์สุดสยองลำดับที่ 7 


สวัสดีครับ กระผม Barrettez เองนะครับ กลับมาพบกันอีกครั้ง กับการรีวิว เกมของผม ซึ่งวันนี้ก็จะยังคงอยู่ในรูปแบบธีมที่มีดมนเช่นเคย โดยเกมที่ผมจะนำมารีวิวในวันนี้ก็คือ FEAR 3 นั่นเองครับ หลังจากที่เกมเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ไป 2 - 3 รอบ ในที่สุดก็ออกมาให้เล่นจนได้

สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยรู้จักว่า FEAR คือเกมแบบไหนนั้น เกม FEAR จะเป็นเกม FPS แนว Horror Sci-Fi ที่สร้างความสะพรึงให้แก่เหล่าเกมเมอร์มาแล้วทั่วโลก ซึ่งนี่ก็เป็นภาคที่ 3 แล้ว (นับเฉพาะภาคหลักนะ) วางขายทั้งใน PC, XBOX360 และ PS3 เป็นหนึ่งในเกมซีรี่ส์ที่ผู้ชื่นชอบความสยองน่าจะลองเล่นดูนะครับ

ว่าแล้วก็มาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่าครับ
เนื้อเรื่องคร่าวๆ
ด้านเนื้อเรื่องของเกมนั้น จะต่อกับภาค 2 แต่คราวนี้ เราจะกลับไปรับบทเป็น Point Man (คุณจุด) ตัวเอกจากภาคแรก ที่ต้องหาทางหยุดยั้งไม่ให้ Alma คลอดลูกคนใหม่ออกมาได้ เพราะมีความเป็นไปได้ว่า เด็กที่เกิดจาก Alma นั้นจะมีพลังจิตที่รุนแรงกว่า จนสามารถทำลายล้างมนุษยชาติได้ นอกจากนี้ เรายังได้ Fettelน้องชายของ Point Man ที่เคยเป็นบอสใหญ่ในภาคแรก มาร่วมมือในการตามล่า Alma อีกแรงด้วยจุดประสงค์บางอย่าง
เกมเพลย์
การหลบเข้าที่กำบัง
ระบบเกมเพลย์ของภาค 3 นี้ถูกปรับเปลี่ยนไปเยอะมาก โดยในภาคนี้ เราสามารถหลบหลังที่กำบังหรือกำแพง และเอี้ยวตัวมายิงได้ อย่างที่เกมแนวยิงกันควรจะเป็นซะที (แต่จากที่เห็น Modern Warfare 3 และ Battlefield 3 ที่จะออกปลายปี ยังคงใช้วิธีลุยยิงแบบโต้งๆ แล้วนั่งหรือเสตบซ้ายขวาหลบเอาเหมือนเดิม) โดยส่วนตัวผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอกครับ แต่คิดว่าเกมยิงถ้ามันมีหลบ แล้วโผล่หัวมายิง หรือหลบแล้วกราด Blind Shot มันจะดูสมจริงกว่าเท่านั้นเอง ซึ่ง FEAR 3 ได้เพิ่มความรู้สึกแบบนี้ลงไปในเกมแล้ว
ระบบการเก็บแต้ม และเลเวลอัพ
 เหมือนทีม Day 1 ต้องการเน้นให้ผู้เล่น เล่นเกมแบบ Multiplayer มากขึ้น จึงทำการสร้างระบบนี้ขึ้นมา ซึ่งมองเผินๆ เหมือนกับเป็น Challenge ที่ต้องยิงให้ได้เท่านี้ๆ แล้วจะมีแต้มให้นี่เอง แต่ที่พิเศษขึ้นไปอีกก็คือ การที่แต้มเหล่านั้นเป็นค่า EXP ในการอัพเลเวลด้วย แบบนี้ถึงแม้เกมเมอร์จะไม่ได้เล่นออนไลน์อวดแต้มก็ตาม แต่ก็ยังต้องขวนขวายทำแต้ม เพื่อทำให้ตัวเองเลเวลอัพ
ซึ่งสำหรับบางคนที่ชอบท้าทาย ได้แต้มเท่านี้อาจจะไม่พอใจแล่นใหม่อีกสักทีก็ถือว่าเป็นการทำให้ผู้เล่น สามารถเล่นเกมได้ยาวนานและคุ้มมากขึ้นนั่นเอง
Fettel
สิ่งที่ทำให้เกมในภาคนี้แหวกแนวน่าสนใจไปจากภาคอื่นๆ และเกมแนว FPS ไหนๆ ก็คือ เจ้าหมอนี่แหละครับFettel บอสใหญ่จากภาคแรก ก็เป็นตัวละครที่เราสามารถเลือกเล่นได้ในภาคนี้ด้วย แต่เพื่อนๆ ต้องเล่น Point Man ให้ผ่านในด่านนั้นๆ ก่อนนะครับ ถึงจะปลดล็อคมาใช้ได้
ไหนๆ ก็พูดถึง Fettel แล้ว ขอบ่นกับหมอนี่หน่อยก็แล้วกันครับ โดยตอนแรกผมอยากเล่น Fettel มาก และคาดหวังว่ามันต้องมหาเทพแน่นอน (ดีกรีบอสใหญ่ภาคแรกเชียวนะเฟ้ย) แต่พอได้เล่นจริงๆ แล้วรู้สึกเฟลนิดๆ ครับ นั่นก็เพราะความคาดหวังของผมสูงไปด้วยนั่นเอง
อย่างเช่นคาดหวังว่า มันเป็นผู้ใช้พลังจิตได้เทพพอๆ กับ Alma แต่กลับไม่มีความสามารถเทพๆ สกิลจำพวกที่ทำให้ศัตรูที่เป็นทหาร เห็นภาพหลอนเหมือนกับที่ผมเล่นแล้วเจอมา สิ่งที่ Fettel ทำได้นั้นมีอยู่อย่างด้วยกันครับ โดยสกิลที่เข้าท่าที่สุดเห็นจะเป็นการเข้าสิงศัตรู และเมื่อเข้าสิงแล้ว เราก็จะเหมือนได้เล่น Point Man ที่มีเลือดเต็มอีกครั้ง แต่ไม่มีความสามารถในการสโลว์โมชั่นเท่านั้นเอง
เรื่องเฟลๆ เกี่ยวกับ Fettel ก็มีเช่นกันครับ อย่างเช่น Fettel นั้นเป็นร่างจิต ที่สามารถทะลุกำแพงหรือสิ่งกีดขวางได้ (ดังเช่นใน Movie เริ่มเกม ที่เดินทะลุกำแพงมาสิงศัตรูหน้าตาเฉย) ผมก็คิดในใจว่า "หวานตูล่ะ ทีนี้ก็วิ่งผ่านกำแพงได้สบายใจเฉิบ" แต่ผมคิดผิดครับ ถึง Fettel จะเป็นร่างจิต ในมูวี่ทะลุกำแพงได้ แต่เวลาเล่น ผมต้องมาเปิดประตูเพื่อเดินผ่านอยู่ดี (เอ็งเป็นร่างจิตนะเฟ้ย) TTwTT
ด้านเนื้อเรื่องก็เช่นกัน แอบคาดหวังว่าเล่น Point Man แล้วไม่เห็นมันตามมาด้วย ก็นึกว่า Fettel มีเนื้อเรื่องแยกในด่านเดียวกัน แต่พอเล่นแล้วก็ "อ้าว เหมือนเดิมนี่หว่า" แถมวิ่งคนเดียวเปลี่ยวๆ ไม่มี Point Man อีกด้วย >_<
สำหรับผมแล้ว Fettel เมื่อเล่นคนเดียวนั้น เล่นเอาฮาเอาความแปลก และเลือดมากกว่าครับ.. =_=
Multiplayer
อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วตอนแรก ว่าเกมภาคนี้เน้นการเล่นแบบ Multiplayer มากกว่า โดยสามารถเล่นได้ทั้งแบบ Co-Op ในโหมดเนื้อเรื่อง และ Multiplayer ยิงกันเอง และขอบอกเลยครับ พอเล่นโหมด Multiplayer แบบเนื้อเรื่องแล้ว ความเฟลเมื่อกี๊หายไปหมด มีแต่ความโหด มันส์ ฮา ครับ เพราะเล่นแล้วสามารถแท๊กทีมกับเพื่อน ตะลุยไปด้วยกัน ใช้สกิล Fettel ช่วยเหลือกันได้ แบบว่าถูกใจมากมาย จนสุดท้ายก็ถึงกับแย่งกันเล่น Fettel กันเลยทีเดียว

คาแรคเตอร์
คำเดียวสั้นๆ ด้วยความชอบส่วนบุคคลครับ "อัลม่าร่างเด็ก น่ารักมาก !!!!" จบ
ไม่มีการพูดถึงตาหนวดเคราโจรที่เพิ่งจะได้เห็นหน้าชัดๆ เต็มก็ในภาคนี้ซึ่งดูแล้วแก่ดี และพี่เหม่งที่มีลูกนิมิตฝังบนหน้าผากท่าทางกวนๆ ทั้งสิ้น (อ้าวก็พูดแล้วนี่หว่า)
บรรยากาศ ความตื่นเต้น ความน่ากลัว
ภาคนี้ยอมรับว่าน้อยครับ ตอนเล่น 2 Chapter แรก แทบจะเลิกเล่นละ เพราะเฟลที่ไม่เจออะไรหลอนๆ แบบที่ใฝ่หาเลยสักนิด (เล่นจบไป 2 Chapter สะดุ้งไป 1 ครั้งครึ่งเอง) แต่พอเข้า Chapter 3 ความกดดันก็เข้ามาเยือนทันที (เออ.. มันต้องแบบนี้สิ) ซึ่งบางทีก็หักอารมณ์กันแบบว่า บู้มันส์ๆ บนทางเดิน พอวิ่งเข้าบ้านปุ๊ปหลอนทันที แต่โดยรวมก็ยังถือว่าฉากน่ากลัวหรือกดดันยังคงมีน้อยอยู่ดีครับ ประมาณคร่าวๆ สัดส่วนน่าจะ บู๊ซะ 70 หลอน 30

ศัตรู
ก็มีตั้งแต่หน่วยทหารลับด๊อกด๋อยของทาง ATC ไปจนถึงหน่วย Super Soldier ของ ATC ที่หนังหนายังกับใส่นาโนสูทของ Crysis ซึ่งบางทีก็ยากบรรลัย แต่บางทีก็ "อ้าว ตายแล้วหรอ ?"

Collectable Item
เท่าที่ผมเห็นก็มีแต่การทำ Phycho Link กับทหารศพบางคนที่มีพลังจิต ตามาที่ต่างๆ เท่านั้นเองครับ แต่ก็ใช่ว่าจะหากันครบง่ายๆ เพราะบางทีก็ม่ีซ่อน แต่สามารถย้อนเนื้อเรื่อง โดยการเลือก Chapter กลับไปหาใหม่ได้ครับ
สรุปแล้ว
เป็นเกมที่เล่นแบบ Multiplayer ได้แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครดีครับ Point Man นำหน้าถือปืนวิ่งตะลุย Fettel สนับสนุนและสกัดกำลังศัตรูมีเฟลอยู่บ้างเรื่องความสามารถของ Fettel แต่ที่เฟลที่สุดคือเกมออกมาบู้มากเกินไปจนไม่ค่อยมีความหลอนซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของเกมไปซะแล้ว (เฮิร์ทมาก >_<)
มีการย้อนความภาคแรกให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น และเข้าใจเนื้อเรื่องจากภาคแรกง่ายขึ้น (ปกติเป็นซีรี่ส์เกมที่ต้องเล่นอย่างน้อย 2-3 รอบกว่าจะเรียบเรียงเนื้อเรื่องได้) ทำให้เพื่อนๆ ที่เล่นภาค 1 กะ 2 มาเข้าใจอะไรมากขึ้น
เมื่อนำมารวมๆ กันแล้วก็เป็นเกมที่ค่อนข้างดี หากถามถึงคะแนนล่ะก็ ผมคงให้สัก 7/10 แหละครับ โดยคะแนนที่ได้เป็นส่วนความประทับใจการโหมด Multiplayer เป็นส่วนใหญ่ ส่วนคะแนนที่หายไป เพราะจุดขายสำคัญอย่างความน่ากลัวลดลงไป กับ Fettel ที่เดินทะลุกำแพงไม่ได้ (ฮ่าๆๆๆ ก็มันไม่สมจริงนี่หว่า > 3<)